เว็บไซด์ Sanook! ได้รายงานว่า ยังคงมีเรื่องราวออกมาเรื่อยๆ สำหรับ The Voice 2014 ล่าสุด “พืช ภาคิน” ลูกทีมโคชสแตมป์ ซึ่งไม่ได้ถูกเลือกให้ไปต่อเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา โพสข้อความบนเฟชบุ๊คส่วนตัว ในทำนองว่าเสียใจว่า “อ่านคอมเมนต์จากในเพจของเดอะวอยซ์แล้ว ก็ต้องขอโทษทุกๆ คนที่คอยติดตาม คอยเชียร์ ให้กำลังใจ พี่พืชทำได้ดีที่สุดเท่านี้จริงๆ พี่พืชเสียใจที่ตัวเองเลือกเพลงที่อยากร้องแต่ไม่ได้ร้อง คนที่รู้จักพี่พืชคงจะรู้ดีที่สุดว่า พี่พืชเป็นคนเสียงต่ำ แต่เพลงที่ร้องวันนี้ปรับคีย์ให้พี่พืชร้องสูงถึง 3 คีย์ ขอโทษทุกๆ คนจากใจจริงครับ” แม้ล่าสุด “พืช-ภาคิน” จะลบโพสต์นั้นออกจากเฟซบุ๊กแล้วก็ตาม แต่กระแสที่โถมเข้ามาก็ไม่ได้ลดลงไปเลย และเพื่อไม่ให้แฟนรายการเดือดกันไปมากกว่านี้ ล่าสุด โค้ชโคชสแตมป์โพสต์รายละเอียดทั้งหมดผ่านแฟนเพจ “Stamp Official Club” อธิบายทุกจุดที่คนตั้งคำถามกันเอาไว้ว่า
ผมขออธิบายเบื้องหลังการทำงานในรายการ The Voice รอบ knock out ในสองกรณีที่คนถามกันเข้ามานะครับ
1. การเลือกเพลง
สำหรับทีมแสตมป์นั้น เราจะให้ผู้เข้าแข่งขันเลือกเพลงที่อยากร้องมา 4-5 เพลง หลังจากนั้น ตัวผม ผู้เข้าแข่งขัน และทีม Music Director จะมานั่งประชุมร่วมกัน เพื่อนำเพลงใน List แต่ละเพลงมาคัดเลือก โดยคำนึงถึง ภาพรวมของโชว์,ลิขสิทธิ์,ความเหมาะสมต่อท่านผู้ชมทางบ้าน ซึ่งลูกทีมบางคนอาจจะไม่ได้ร้องเพลงที่เลือกมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะเป็นเพลงไหน เราต้องได้รับคำยืนยันและยินยอมจากลูกทีมว่าตัวเขามั่นใจที่จะร้องเพลงนั้นจริงๆ โดยเฉพาะเพลงที่เขาร้องเป็นประจำและเคยโชว์มาก่อนแล้ว จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะเวลาในการซ้อมของเรามีน้อยมาก
2. การเทียบคีย์
เรื่องคีย์นั้นสำคัญมาก เราไม่สามารถเลือกคีย์ได้ถ้าไม่มีลูกทีมอยู่ด้วย วิธีการคือ ทีมงานดนตรีและลูกทีมจะนั่งหาคีย์และคอร์ดต่างๆที่ลูกทีมอยากได้ในเพลงนั้นๆร่วมกัน จนกว่าจะได้คีย์ที่ลูกทีมพอใจ ซึ่งก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาหากลูกทีมแจ้งว่ามีความไม่มั่นใจเกิดขึ้นระหว่างการซ้อม
ขอบคุณมากครับ 🙂
ล่าสุด “ชัช-ชัชวาล” 1 ใน 3 คนที่ทำหน้าที่ Music Director รายการ The Voice Thailand ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงผ่านเฟชบุ๊คส่วนตัวดังนี้
สวัสดีครับ ผมเป็น 1 ใน 3 คนที่ทำหน้าที่ Music Director รายการ The Voice Thailand นะครับ Season 1,2,3 ครับ เห็นกระแสตอนนี้แล้วจากที่คิดว่าจะเงียบไม่ทำอะไร คิดว่าน่าจะต้องออกมาชี้แจงซักหน่อยในกระบวนการทำงาน (ยาวหน่อยนะครับ แต่น่าจะตอบข้อสงสัยของหลายๆคนได้)
สิ่งที่ทีมงานทุกคนในรายการคำนึงถึงเป็นอย่างแรกนะครับ คือ “ผู้เข้าแข่งขัน สำคัญที่สุดเสมอ” เราทุกคนรู้ดีว่ารายการระดับนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตและอนาคตของผู้เข้าร่วมรายการ มันสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนหนึ่งคนให้กลายเป็นดีมากๆจนถึงเลวร้ายที่สุดได้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนไหนก็ตาม เรายึดถือสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานครับ
แต่เช่นเดียวกัน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างที่สอง คือ “ความพอดี” ความพอดีนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้รายการนี้สามารถเข้าถึงคนหมู่มากได้ ตอบความต้องการของผู้ผลิต และผู้สนับสนุน ทำให้รายการมีความกลมกล่อม ไม่ดูยากเกินกว่าจะเข้าใจและก็ต้องไม่ดูง่ายหรือตื้นเขินจนเกินไป ผลสุดท้าย “ความพอดี” นี้อาจจะไม่ได้ตอบสนองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้อย่างเต็มที่ แต่อย่างน้อยก็พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ไอ้”ความพอดี” นี่แหละ ที่ทำให้ทีมงานทุกๆคนทำงานด้วยความตั้งใจและความรู้สึกใส่ใจในรายละเอียดและคำนึงถึงทุกๆฝ่าย..
สองข้อนี้ถูกรวมเข้าด้วยกัน จนเป็นหลักการในการทำงานของทุกๆคนในรายการนี้
หากจะถามว่า ทำอย่างไรถึงจะสามารถส่งให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนไปได้ไกลและสวยงามที่สุด รวมถึงทำอย่างไรรายการถึงจะมีความพอดีที่สุด สำหรับตัวผมเอง ขอตอบว่า “ไม่ทราบจริงๆครับ” เราไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้จริงๆ ทุกอย่างล้วนมีความไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้คือการระดมทุกความคิดมาช่วยกัน สร้างสรรค์ ทำในสิ่งที่เราคิดว่ามันดีที่สุดเท่าที่เราจะคิดออก หาจุดบกพร่อง และช่วยกันอุดช่องโหว่ ทำทุกๆรายละเอียดอย่างเต็มที่ และน้อมรับความผิดพลาดหากสิ่งที่เราคิดและทำไปแล้วมันเกิดไม่ใช่ เราพร้อมนำไปปรับปรุงแก้ไข
เราทำได้แค่นี้ครับ ทีมงานไม่สามารถพูดได้ว่าเราสร้างสิ่งที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยในทุกกระบวนการ เราพูดได้เต็มปากว่า เราทำมันอย่างดีที่สุด
ทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น Blind , Battle , Knock out, Live เราก็ใช้วิธีคิดนี้ในการทำงานทั้งสิ้น และแน่นอน ไม่ว่ารอบไหนก็ตาม หากผู้เข้าแข่งขันชัดเจนและยืนยันว่าไม่สบายใจที่จะร้อง ทีมงานทุกคนยินดีที่จะเปลี่ยน ปรับ แก้ไข จนผู้เข้าแข่งขันสบายใจที่จะร้องเพลงนั้นๆ
“มันเป็นเกม” ไม่ได้หมายถึงว่าเรากำลังเห็นผู้เข้าแข่งขันเป็นตัวหมาก หรือวางแผนทำโน่นทำนี่เพื่อให้เกมมันเดินไปในแบบที่เราอยากให้เป็น..
แต่หมายถึง ด้วยความที่ The Voice คือรายการโทรทัศน์ ที่มีงบประมาณและเวลาในการถ่ายทำจำกัด ดังนั้นการทำงานต่างๆ เวลาในการคิด เลือกเพลง ฝึกซ้อม จนถึงกระบวนการขั้นตอนการถ่ายทำ ทุกๆอย่างล้วนมีองค์ประกอบที่มีโอกาสจะลดทอนความสามารถของผู้เข้าแข่งขันได้ การร้องเพลงท่ามกลางอุปสรรคเหล่านี้ คือ เกม ในความหมายของ The Voice
เกมการแข่งขันย่อมมีแพ้ชนะ แต่การหาผู้แพ้ผู้ชนะในการแข่งขันที่เป็นศิลปะ มันทำกันไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือ ขีดเส้นสมมติขึ้นมาในใจเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสิน เส้นที่ว่านั้นคืออะไร อารมณ์ เทคนิก การร้องที่แม่นยำ เนื้อเสียง พัฒนาการในเพลงนั้นๆ หรือเส้นสมมติอีกนานับที่โค้ชจำต้องขีดขึ้นเพื่อหาคนไปต่อตามกติกาของรายการ..
ผมพูดได้เพียงว่า โค้ชทุกคนรักและผูกพันกับลูกทีมไม่แพ้คุณ อยากให้ลูกทีมได้ไปต่อทุกคนไม่แพ้คุณ หวังที่จะเห็นผู้เข้าแข่งขันทุกคนประสบความสำเร็จในสายอาชีพนี้ไม่แพ้คุณ และเจ็บปวดเมื่อต้องเห็นคนที่เดินตามความฝันต้องผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นในรอบไหนๆ ความรู้สึกของโค้ชที่มีต่อผู้เข้าแข่งขันมันก็ไม่แพ้พวกคุณทุกคนหรอกครับ
ในกรณีที่เกิดกระแสอยู่ตอนนี้นะครับ
หากเงียบไว้ เรื่องก็คงซาลง แต่บางครั้งการเงียบก็อาจทำให้คนดีๆต้องเสียใจ
ผมคิดอยู่นานว่าควรกล่าวถึงไหม..
ขั้นตอนรอบ Knock out เป็นตามที่โค้ชแสตมป์แจ้งทุกประการ
ในลิสต์เพลง มีเพลง Desperado จริงครับ
พี่พืชอยากร้องเพลงนี้มั้ย อยากครับ เราทราบ เพราะเราให้เขียน list เพลงที่อยากร้องมาหลายๆเพลงอยู่แล้ว
พี่พืชอยากร้องเพลง Desperado ที่สุดไหม ไม่ทราบครับ พี่พืชไม่ได้พูดหรือแสดงออกมาในตอนนั้น
พี่พืชไม่อยากร้องเพลงนํ้าตาแสงใต้ อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆครับ แต่ที่ผมจำได้ตอนที่พวกเราเลือกเพลง เพลงนี้อยู่ในลิสต์ของพี่พืช ซึ่งในลิสต์ก็หมายถึงเพลงที่พี่พืชอยากร้องใช่มั้ยครับ
เราเปลี่ยนคีย์ให้เป็นคีย์ที่พี่พืชไม่ถนัดหรือไม่ ผมไม่ทราบเช่นกันว่าพี่พืชไม่ถนัด แต่ในตอนที่เลือกคีย์ เราอยู่ด้วยกันทุกคนครับ มิวสิคไดเร็กเตอร์ทั้ง 3 คน โค้ช และก็ตัวพี่พืชเอง และหลักการเดิมทุกครั้ง คือเราเลือกสิ่งที่ผู้เข้าแข่งขันสบายใจเป็นหลักครับ
ถ้าหากสิ่งที่พี่พืชรู้สึกคือเรื่องจริง ผมก็ต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจผิดคิดว่าพี่พืชสบายใจในการร้องเพลงรอบ Knock out นี้ และอยากขอพี่ไว้อย่างนึงว่า หากมีคราวหน้าไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการประกวดที่ไหน ถ้าพี่เกิดรู้สึกไม่สบายใจระหว่างการทำงาน ขอให้แจ้งมาเลย ณ ตรงนั้นตรงๆครับ เราพร้อมแก้ไข ไม่ต้องเกรงใจเพราะเราทุกคนล้วนอยากให้งานออกมาดีที่สุด ดีกว่ามาบอกกันทีหลังในเฟสบุคซึ่งเราแก้ไขอะไรมันไม่ได้แล้วนะครับ ถ้าพี่พืชเกรงใจไม่กล้าบอกตอนนั้น ผมขออนุญาตเรียนตรงๆว่าพี่พืชควรเกรงใจที่โพสต์ออกสื่อแบบนี้มากกว่าครับ (เช่นเดียวกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆในซีซั่นก่อนๆรวมถึงที่จะมาในอนาคตนะครับ ผมจะพูดเสมอทุกๆครั้งว่าเราคือทีมเดียวกัน ชอบไม่ชอบอะไรขอให้บอก หาสิ่งที่ลงตัวที่สุดร่วมกัน พูดกันต่อหน้านะครับ เพื่องานที่ดี และเพื่อตัวคุณเอง พูดทีหลัง งานก็ไม่ได้งานที่ดี แถมตัวคุณเองก็ดูไม่ดีด้วยนะครับ)
ด้วยความเคารพนะครับ ผมนับถือว่าพี่พืชเป็นผู้ใหญ่ และเป็นคนเก่งจริงๆ แต่ที่ออกมาเขียนก็เพราะว่า แสตมป์ เป็นเพื่อนร่วมวงผม เป็นรุ่นน้องคณะเดียวกัน ทำงานฝ่าฟันมาด้วยกันนานเกินกว่า 10 ปี เค้าสำคัญกับผมมากและผูกพันกับผมมานานกว่าพี่ ผมมีความจำเป็นที่จะต้องแก้ความเข้าใจผิดที่กำลังทำให้คนดีๆกำลังเสียใจและคิดมากอยู่ตอนนี้
ทีมงานทุกคนให้เคยโอกาสในการทำงานกับผม ทำงานร่วมกันมาเป็นเวลากว่า 7-8 ปี นักดนตรีทุกคนเป็นที่รักของผม ทุ่มเทการทำงาน อดหลับอดนอนมาด้วยกัน ผมไม่อยากให้ความเข้าใจผิดเหล่านี้บั่นทอนความตั้งใจที่จะทำงานดีๆของพวกเขา
หากว่ากระแสต่างๆทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจว่ารายการนี้มีเบื้องลึก มีด้านมืดอะไรหรือไม่ ผมขอร้องว่า ก่อนที่ทุกท่านจะตัดสิน ลองมองดูว่างานที่เราสื่อออกไปนั้นมันมีความทุ่มเทและตั้งใจอยู่ในนั้นรึเปล่า หากว่ามันไม่มี พวกเราจะตั้งใจให้มากขึ้นอีกครับ เพื่อสื่อให้ทุกคนเห็นและเชื่อในสิ่งที่พวกเราทุกคนเชื่อว่า ความตั้งใจที่ดีย่อมทำให้เกิดงานที่ดี คนที่ทำงานด้วยความรัก ย่อมทำให้งานชิ้นนั้นสื่อไปถึงคนดูได้ หากว่ามีสิ่งที่ไม่ดีแฝงอยู่ในนั้น มันย่อมไม่สามารถทำให้ทีมงานรวมกันเป็นหนึ่งแล้วสร้างงานที่ดีได้
ผมขออนุญาตยืมคำพูดที่ออกจะนํ้าเน่าของพี่บอย โกสิยพงษ์ มาใช้ในสถานการณ์นี้ว่า “ถ้าหากสิ่งที่เราทำนั้น มันผิดพลาดหรือยังไม่ดีพอ ก็ขอให้โทษที่มันสมองของพวกเราเถอะ อย่าโทษหัวใจของพวกเราเลย”
ที่มา : http://music.sanook.com / TheVoiceThailand